เครื่องอบแห้ง เตาอบแห้ง เลือกอย่างไร ให้เหมาะสม
เครื่องอบแห้ง เตาอบแห้ง เป็นนวัตกรรมทางด้านอาหารที่สำคัญสิ่งหนึ่งในโลกเรา ในอดีตการถนอมอาหารด้วยการทำให้แห้ง นับเป็นวิธีการหนึ่งที่ได้รับความนิยมมาอย่างช้านานแล้ว เพราะช่วยให้ผู้คนได้มีอาหารชนิดนั้น ๆ รับประทาน แม้ในยามที่ขาดแคลน หรือนอกฤดูกาล
หลักการถนอมอาหารด้วยการทำให้แห้ง คือ การกำจัดความชื้นที่อยู่ในอาหารออกไป เพราะจุลินทรีย์ แบคทีเรีย ที่ทำให้อาหารเน่าเสีย ล้วนต้องอาศัยความชื้นในการเจริญเติบโต ซึ่งในอดีตวิธีการกำจัดความชื้นที่นิยมกันมากนั้น คือ การตากแดด หรือ การรมควัน แต่เนื่องจากวิธีการดังกล่าว เป็นวิธีการที่ต้องอาศัยพลังงานตามธรรมชาติ จึงทำให้วิธีดังกล่าวมีข้อจำกัด เพราะอาหารมักเกิดการเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เนื่องมาจากควันที่ใช้ถนอมอาหารทำให้ดูไม่น่ารับประทาน หรือแสงแดดอาจน้อยเกินไป เมื่ออยู่ในภาวะที่อากาศมีความชื้นสูง ซึ่งอาจจะยิ่งกระตุ้นให้อาหารเน่าเสียได้ง่ายมากขึ้นด้วย
ดังนั้น ในปัจจุบันจึงได้เกิดการคิดค้น และ พัฒนาเครื่องมือที่ใช้ถนอมอาหาร ด้วยการอบแห้งอย่าง เครื่องอบแห้ง เตาอบแห้ง ขึ้นมา เพื่อให้สามารถผลิตอาหารอบแห้งได้ในปริมาณที่ต้องการได้ตลอดเวลา ซึ่งสามารถสรุปข้อดีของการถนอมอาหารด้วยเครื่องมือดังกล่าว ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้
- คุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่สม่ำเสมอ การใช้ เครื่องอบแห้งเตาอบแห้ง นั้น สามารถควบคุมอุณหภูมิและเวลาที่ใช้ได้อย่างคงที่ จึงทำให้ได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสม่ำเสมอ ทั้งระดับความชื้นคงเหลือ สีสันของวัตถุดิบ และเนื้อสัมผัสของวัตถุดิบ
- ลดการปนเปื้อนจากสภาพแวดล้อม ในการทำให้แห้งด้วยการตากแดด หรือรมควันนั้น มักเกิดการปนเปื้อนจากสภาวะแวดล้อมต่าง ๆ ได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละอองจากอากาศ สารเคมีที่อาจปนเปื้อนมากับไม้ที่ใช้ในการรมควัน หรือแม้แต่ความชื้นจากสิ่งแวดล้อมภายนอก แต่เมื่อใช้เครื่องมืออบแห้งที่ปิดสนิท มีการควบคุมลมเข้าออกอย่างเหมาะสม ก็จะช่วยลดการปนเปื้อนต่าง ๆ เหล่านี้ลงได้
- เพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต การใช้ เครื่องอบแห้งเตาอบแห้ง นั้นจะช่วยให้ผู้ผลิตสามารถวางแผนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสามารถกำหนดปริมาณ และระยะเวลาในการอบแห้ง ในแต่ละครั้งได้อย่างแม่นยำ
ในปัจจุบัน เครื่องอบแห้งเตาอบแห้ง ได้ถูกคิดค้น และพัฒนารูปแบบการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อตอบสนองต่อการใช้งานกับวัตถุดิบประเภทต่าง ๆ และ ยังเพื่อให้คุณภาพของอาหารที่ ผ่านการอบแห้งดีมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย โดยประเภทของเครื่องจักรอบแห้งที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนั้น มีดังนี้
- การอบแห้งแบบใช้ลมร้อน คือการอบแห้งที่ใช้อากาศเป็นตัวพาความชื้นออกจากวัตถุดิบ มี 2 รูปแบบคือ เตาอบแบบตู้ และแบบที่ขับเคลื่อนด้วยระบบสายพาน ซึ่งมีความรวดเร็ว และมีปริมาณการทำแห้งที่เพิ่มมากขึ้น เป็นรูปแบบของเครื่องจักรอบแห้งที่ใช้พลังงานไม่มาก และมีหลากหลายขนาดให้เลือก
- การอบแห้งแบบการนำความร้อน คือ การอบแห้ง โดยใช้วัสดุที่มีความสามารถเป็นสื่อกลางนำพาความร้อนเข้าสู่วัตถุดิบโดยตรง ทำให้เกิดการระเหยความชื้นออกจากวัตถุดิบได้อย่างรวดเร็ว แต่วัตถุดิบที่มีความอ่อนนุ่ม หรือเปราะบางอาจเสียสภาพได้
- การอบแห้งโดยใช้รังสี เป็นวิธีการอบแห้งที่แตกต่างจากลมร้อน เพราะใช้รังสีอย่างไมโครเวฟ หรืออินฟาเรด ซึ่งทะลุเข้าไปในเนื้อของวัตถุดิบได้ดี และ ทำความร้อนจากภายในได้รวดเร็วกว่าลมร้อน แต่ยังต้องพิจารณาเลือกความยาวคลื่นที่เหมาะสมกับวัตถุดิบ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการอบแห้งที่ดีที่สุด มิฉะนั้น จะเกิดความสิ้นเปลืองพลังงานโดยใช่เหตุ
- การอบแห้งโดยปรับสภาพความดัน และอุณหภูมิ การนำความดันมาใช้ใน เครื่องอบแห้งเตาอบแห้ง นั้น จะช่วยให้ความชื้นออกจากวัตถุดิบได้รวดเร็วมากขึ้น และการนำอุณหภูมิที่เย็นจัดมาช่วย ก็จะทำให้ความชื้นที่อยู่ภายในวัตถุดิบกลายสภาพเป็นของแข็ง และถูกกำจัดด้วยความดัน ในลักษณะของการระเหิดกลายเป็นไอ เป็นวิธีกำจัดความชื้นที่รวดเร็ว ทำให้วัตถุดิบที่ได้มีคุณลักษณะใกล้เคียงกับของสด หรือการเพิ่มความดันภายในเครื่องอบแห้ง เตาอบแห้ง เพื่อเร่งให้วัตถุดิบนั้นแห้งเร็วขึ้นกว่าปกติ จึงประหยัดเวลา และลดการใช้พลังงานในการทำความร้อนได้พอสมควร
- การอบแห้งด้วยวิธีสเปรย์ให้เป็นละอองฝอย (Spray Dry) เป็นวิธีการทำแห้ง สำหรับวัตถุดิบที่มีสถานะเป็นของเหลวให้กลายเป็นผงแห้ง ด้วยการพ่นของเหลวที่มีความเข้มข้นสูงออกมาเป็นละอองฝอย และทำการกำจัดความชื้นออกจากละอองฝอยนั้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อทราบประเภทต่าง ๆ ของ เครื่องอบแห้งเตาอบแห้ง แล้ว สิ่งต่อมาที่ต้องพิจารณา คือ ความเหมาะสมกับวัตถุดิบที่ต้องการอบแห้ง ว่ามีคุณลักษณะของวัตถุดิบเช่นใด ตามรายละเอียดดังนี้
- เนื้อสัมผัสของวัตถุดิบ หากพื้นผิวของวัตถุดิบมีลักษณะเรียบมัน การทำแห้งด้วยการใช้ลมร้อนเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เพราะความชื้นระเหยออกจากวัตถุดิบได้ยาก ในกรณีที่เนื้อสัมผัสของวัตถุดิบเป็นรูพรุนหรือมีความหยาบ จะทำให้ความชื้นระเหยตัวออกมาได้ง่ายกว่าพื้นผิวเรียบ
- ขนาดและรูปร่างของวัตถุดิบ ขนาดของวัตถุดิบที่ใหญ่ หรือหนามากเกินไป อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการขจัดความชื้นออกจากวัตถุดิบได้ เพราะอาจจะทำให้วัตถุดิบแห้งไม่เท่ากันทั้งชิ้น หรือ หากรูปร่างของวัตถุดิบมีพื้นที่เปิดน้อยเกินไปก็ทำให้ต้องใช้เวลานานในการอบแห้งได้ ซึ่งทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน และค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกด้วย
- ความชื้นของวัตถุดิบ เนื่องจากความชื้นในวัตถุดิบ คือสิ่งที่ต้องการขจัดออกไปในกระบวนการอบแห้ง ดังนั้น ความชื้นยิ่งสูงก็ยิ่งมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ความร้อน หรือเวลาเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ยิ่งในกรณีวัตถุดิบที่เป็นของเหลวก็จำเป็นต้องมีวิธีการเฉพาะในการทำแห้ง อย่างเช่นการ Spray Dry ให้เป็นละอองฝอยก่อนการทำแห้ง เป็นต้น
- ปริมาณและการจัดเรียงวัตถุดิบ สิ่งเหล่านี้ต้องสัมพันธ์กับรูปแบบของการอบแห้ง หากปริมาณมาก ๆ อาจต้องนำระบบสายพานมาช่วยให้เกิดการทำแห้งอย่างต่อเนื่อง การจัดเรียงวัตถุดิบไม่ควรแน่น หรือชิดกันเกินไป เพราะจะทำไม่เกิดช่องว่างในการระบายความชื้น ทำให้การกำจัดความชื้นทำได้ยากขึ้น
เมื่อพิจารณารูปแบบของเครื่องอบแห้ง หรือเตาอบแห้ง และคุณลักษณะของวัตถุดิบตามรายละเอียดดังที่ระบุแล้ว เชื่อได้ว่า ผู้สนใจจะสามารถเลือกประเภทของเครื่องเครื่องอบแห้ง เตาอบแห้ง ที่ต้องการได้
สามารถดำเนินการผลิตได้อย่างมีคุณภาพตามต้องการ ได้อย่างเหมาะสม