เครื่องร่อนผง เครื่องร่อนแป้ง สำหรับธุรกิจคุณ
เครื่องร่อนผง คือสิ่งที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารเพื่อแยกสิ่งสกปรกต่าง ๆ ออกจากวัตถุดิบ ไม่ว่าจะเป็นการแยกฝุ่นทรายออกจากแป้ง หรือใช้ร่อนเพื่อควบคุมความละเอียดของแป้งและวัตถุดิบชนิดต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับการใช้งาน ตัวอย่าง เช่น แป้งทาผิวหากเนื้อแป้งไม่ละเอียดสม่ำเสมอกันก็อาจทำให้รู้สึกระคายเคืองเมื่อนำมาทาลงบนผิว รวมทั้งยังช่วยให้ส่วนผสมที่เป็นผงชนิดต่าง ๆ เกิดการกระจายตัว อย่างเช่นในอุตสาหกรรมปูนขาวที่จับตัวเป็นก้อนได้ง่ายก็สามารถใช้เครื่องร่อนแป้ง ในการทำให้วัตถุดิบกระจายตัว และสามารถลำเลียงไปยังกระบวนการผลิตอื่น ๆ ได้อย่างสะดวก ซึ่งการคัดแยกขนาดอนุภาคของผงวัตถุดิบ การขจัดสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ และการกระจายส่วนผสมให้มีประสิทธิภาพนั้น วิธีที่ให้ผลดีที่สุดนั้นก็คือการร่อนแป้งด้วยตะแกรงที่มีความละเอียดตามที่ต้องการนั่นเอง
วัตถุดิบใดบ้างที่สามารถใช้ เครื่องร่อนผง ได้
1. แป้งสำหรับประกอบอาหารอย่างแป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว แป้งมันฝรั่ง แป้งสาลี แป้งมันสำปะหลัง แป้งมันเทศ แป้งท้าวยายม่อม แป้งถั่วเขียว แป้งอัลมอนด์ แป้งถั่วเหลือง แป้งข้าวโพด แป้งมะพร้าว เป็นต้น
2. วัตถุดิบประกอบอาหารที่ต้องการความละเอียด อาทิเช่น พริกป่น นมผง น้ำตาล ผงฟู ผงเครื่องเทศ ผงปรุงรส เป็นต้น
3. วัตถุดิบทางเวชภัณฑ์ ทั้งตัวยาก่อนนำไปบรรจุแคปซูล หรืออัดเม็ด และผงสมุนไพรชนิดต่าง ๆ เป็นต้น
4. วัสดุสำหรับงานอุตสาหกรรม และสิ่งก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นปูนซีเมนต์ ปูนขาว ผงทราย หรือสารเคมีต่าง ๆ เป็นต้น
ดังนั้นเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อการทำงานตามวัตถุดิบที่แตกต่างกันเหล่านี้ จึงมีการพัฒนาและออกแบบ เครื่องร่อนแป้ง เป็นชนิดต่าง ๆ เพื่อตอบสนองต่อรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกัน รวมถึงกำลังของเครื่องร่อนแป้งที่สามารถตอบสนองต่อปริมาณวัสดุที่ต้องการร่อนที่แตกต่างกัน ซึ่งโดยทั่วไปสามารถแบ่งได้ 3 ประเภท ดังนี้
1. Static Grid เป็น เครื่องร่อน ที่มีลักษณะคล้ายตะแกรงทั่วไป จึงเป็นเครื่องร่อนแป้งที่สามารถใช้งานได้ง่ายที่สุด สามารถแยกสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ออกไปได้ง่าย และมักมีราคาไม่แพงมากนัก จึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่เครื่องร่อนแป้งชนิดนี้มีข้อเสียคือกำลังการผลิตจะน้อย เพราะใช้ความละเอียดของตะแกรงได้ขนาดเดียว และไม่มีช่องทางออกของวัตถุดิบในถาดร่อน หากต้องการความละเอียดมาก ๆ และหลากหลาย ทำให้จำเป็นต้องถอดตะแกรงหลายครั้ง ยกตัวอย่างเช่นเมื่อใช้ตะแกรงละเอียดขนาด 1 มิลลิเมตร ก็จะสามารถแยกสิ่งแปลกปลอมที่มีขนาดมากกว่า 1 มิลลิเมตรออกไปได้ แต่เมื่อต้องการแป้งที่มีความละเอียดมากขึ้นก็ต้องนำแป้งมาร่อนอีกครั้งผ่านตะแกรงขนาด 0.5 มิลลิเมตรเพื่อให้ได้ความละเอียดของเนื้อแป้งที่ต้องการ หรืออาจใช้การร่อนแป้งมากกว่า 1 ครั้ง หรือด้วยเครื่องร่อนมากกว่า 1 เครื่อง เพื่อให้ได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพตามต้องการ
2. Round vibrating sifters เป็น เครื่องร่อนผง ที่สามารถร่อนแป้งที่ความละเอียดต่าง ๆ ได้ในคราวเดียว ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการร่อนแป้งให้มากยิ่งขึ้น สามารถติดตั้งแม่เหล็กเอาไว้ เพื่อตัดแยกผงเหล็กที่ปนเปื้อนอยู่ในแป้งระหว่างการร่อนไปด้วย เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการขจัดสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ได้ดี แต่ก็จะมีราคาที่สูงเพิ่มขึ้น และต้องการการบำรุงรักษาที่ดีเพื่อเสริมประสิทธิภาพการใช้งาน
3. Rectangular vibrating sifters เป็น เครื่องร่อนผง ที่มีลักษณะเป็นถาดยาวแล้วใช้แรงสั่นสะเทือนในการคัดแยกวัตถุดิบ ใช้หลักการทำงานด้วยแรงสั่นสะเทือนเพื่อลำเลียงวัตถุดิบจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ซึ่งระหว่างนั้นขนาดของวัตถุดิบก็จะถูกคัดแยกด้วยตะแกรงขนาดละเอียดที่รองรับอยู่ แต่ข้อเสียของเครื่องร่อนชนิดนี้คือกำลังการผลิตที่น้อย ไม่สามารถผลิตครั้งละมาก ๆ ได้ บำรุงรักษาได้ยาก และมีราคาสูง
4. เครื่องร่อนเพื่อจุดประสงค์เฉพาะ นอกจาก เครื่องร่อนผง ที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีเครื่องร่อนเพื่องานที่ต้องการความละเอียดสูงเป็นพิเศษอาจมีการใช้คลื่นเสียง หรือแรงดันอากาศในการร่อนแยกผงต่าง ๆ ออกจากกัน หรือใช้ในห้องปฏิบัติการที่ต้องการแยกขนาดของอนุภาคต่าง ๆ ออกเป็นส่วน ๆ ก็อาจใช้ตะแกรงหลายชั้นที่มีความละเอียดแตกต่างกันอีกด้วย แต่เครื่องร่อนประเภทนี้ก็มักจะมีราคาสูงมากกว่าเครื่องร่อนที่ใช้สำหรับงานทั่วไป
นอกจากการคัดเลือกประเภทของ เครื่องร่อนผง ตามที่กล่าวมาแล้ว ยังควรพิจารณาเลือกวัสดุที่นำมาผลิตเป็นเครื่องร่อนแป้งให้เหมาะกับการใช้งานด้วย ซึ่งโดยทั่วไปนิยมอยู่ 2 ประเภท ได้แก่
1. สแตนเลส เป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติที่ดีมากชนิดหนึ่ง เพราะมีความแข็งแรงทนทาน สามารถรองรับน้ำหนักของสิ่งของต่าง ๆ ได้ครั้งละมาก ๆ ใช้ผลิตเป็นตะแกรงที่มีความละเอียด ใช้ผลิตเป็นช่องสำหรับรองรับวัตถุดิบที่ผ่านการร่อนแล้ว หรือผลิตเป็นช่องป้อนวัตถุดิบลงเครื่องจักร เป็นต้น ทำให้สามารถนำไปใช้กับวัตถุดิบได้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะวัตถุดิบประเภทอาหาร ยา และเครื่องสำอาง เพราะไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดสนิม ซึ่งเป็นสิ่งสกปรกที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
2. เหล็กคาร์บอน เป็นวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทาน แต่มีข้อเสียคือมีโอกาสเกิดสนิมได้ง่าย แม้จะมีการเคลือบสีป้องกันไว้แล้วก็ถาม จึงไม่เหมาะกับการใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและยา ดังนั้นวัสดุชนิดนี้จึงเหมาะสมกับอุตสาหกรรมที่ไม่ต้องระมัดระวังเรื่องความชื้น การปนเปื้อน เช่น การร่อนปูน สารเคมี หิน ดิน ทราย เป็นต้น
เมื่อเลือกประเภทของเครื่องร่อนได้แล้ว สิ่งสำคัญที่ควรรู้ต่อมาก็คือการดูแลรักษา เครื่องร่อนแป้ง นั่นเอง เพราะเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องร่อน และอายุการใช้งานของเครื่องด้วย การรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยมีหลักการที่ควรให้ความสำคัญ ดังนี้
- การทำความสะอาดตะแกรงและเครื่องทันทีที่ใช้งานเสร็จ ในระหว่างที่เครื่องร่อนกำลังทำงาน เครื่องก็จะต้องเผชิญกับสิ่งสกปรกต่าง ๆ มากมาย รวมทั้งเศษวัสดุต่าง ๆ ที่ตกค้างอยู่บนเครื่องร่อนหากปล่อยทิ้งไว้นานอาจกลายเป็นคราบเหนียว และคราบสกปรกจนยากจะทำความสะอาดได้ง่าย ยิ่งในกรณที่เป็น เครื่องร่อนแป้ง ที่ทำจากเหล็กที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมการร่อนปูนซีเมนต์ หรือปูนขาว ซึ่งหากไม่รีบทำความสะอาดก็อาจเกิดสนิมได้
- การใช้ลมเป่าทำความสะอาด (Water Jet) จำเป็นต้องใช้ลมแรงดันสูงในการเป่าทำความสะอาด เนื่องจากตะแกรงร่อนของเครื่องร่อนแป้งนั้น มีซอกและรูขนาดเล็กเกินกว่าจะทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึงด้วยวิธีอื่น ดังนั้นจำเป็นต้องใช้ลมแรงดันสูงในการเป่าทำความสะอาด สามาถปัดเป่าเศาผงที่หลบอยู่ตามวอกเล็ก ๆ ได้หมดสิ้น ช่วยยืดอายุการทำงานของเครื่องร่อนแป้งได้เป็นอย่างดี
- การใช้แปรงทำความสะอาด เนื่องจากเครื่องร่อนแป้ง คืออุปกรณ์ที่ต้องการความแห้งสะอาดคือปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องร่อน ดังนั้นการทำความสะอาดในทุก ๆ ครั้งหลังการใช้งาน ควรเริ่มจากการใช้แปรงทำความสะอาดตะแกรงก่อน เพื่อป้องกันการตกค้างของสิ่งสกปรกต่าง ๆ และควรเลือกแปรงที่เหมาะกับตะแกรงที่ใช้ด้วย ซึ่งผู้ใช้งานสามารถสอบถามประเภทของแปรง หรือวิธีการทำความสะอาดเพิ่มเติมจากตัวแทนจำหน่าย เครื่องร่อนแป้ง ได้อีกด้วย
การเลือกใช้ เครื่องร่อน ที่เหมาะสมกับการใช้งาน สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และอายุการใช้งานที่ยาวนาน จำเป็นต้องพิจารณารายละเอียดต่าง ๆ ให้ครบถ้วน ไม่ควรพิจารณาแต่ราคาเพียงอย่างเดียว พร้อมศึกษาวิธีการใช้งานและการดูแลรักษาที่เหมาะสมด้วย